วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การบริหารเวลา

ค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนั้น (Discovery) 

-ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้เวลา




 >>>>>>>>>>> กาญจนา:  ในช่วงเรียน ปริญญาตรีเป็นช่วงที่ใช้เวลาได้อย่างมีคุณค่าที่สุดและเกิดประสิทธิภาพมาก การตื่นเช้าเป็นอะไรที่สุดๆ หนูตื่น ตี 5 ทุกวัน เพื่อที่จะมาดูแลสถานีวิทยุของมหาวิทยาลัย เพราะหนูเป็นนัดจัดรายการวิทยุ ทุกเช้าต้องมาถึงที่มหาวิทยาลัย 6 โมงเช้า ระหว่างที่เดินทางมาจะใส่บาตร เมื่อเห็นพระมาบิณฑบาต พอเข้ามาที่สถานี สิ่งแรกที่ทำคือการดูแล ทำความสะอาดสถานที่ การเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์และตั้งเพลงไว้ ตั้งสปอร์ของแต่ละชั่วโมงไว้ พอ 7 โมงเช้า เปิดข่าวเช้า 8 โมงเปิดเพลงชาติ และเตรียมไปเรียน ระหว่างที่อาจารย์สอนก็ตั้งใจฟังและจดไปด้วย พอพักเที่ยง ก็ทานข้าวแล้วขึ้นมาดูเพลงที่เราตั้งไว้ จากนั้นไปห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือมาอ่านและทำการบ้านไปด้วย  พอประมาณ 4 โมงเย็นก็ไปทำงานกลุ่มกับเพื่อนที่ใต้ตึก ซึ่งไม่ไกลจากสถานีวิทยุมากนัก  พอใกล้จะ 6 โมง ต้องรีบขึ้นมาเปิดเพลงชาติ แต่ระยะทางชั้น 4 ต้องวิ่งขึ้น วิ่งลง ทุกวัน จากนั้นก็ไปทำงานกลุ่มต่อ เราจะแบ่งงานให้เพื่อนๆทำเพื่อที่เราจะได้มีเวลามาเปิดข่าว ตอน 1 ทุ่ม ระหว่างที่เปิดข่าว เราจะนั่งสมาธิในระหว่างที่รอเพื่อเป็นการตั้งสติและการคิด ลำดับสิ่งต่างๆที่ทำทั้งวันพร้อมทั้งจดไดอารี่ว่าวันนี้เราทำอะไรบ้าง พอข่าวจบ 1ทุ่มครึ่งเราต้องตั้งเพลงไว้จนถึง 4 ทุ่ม แล้วลงไปทำงานกลุ่มต่อที่เราแบ่งให้เพื่อนๆทำ พอเสร็จจากการทำงาน เราก็ขึ้นมาตั้งเพลงและเช็คความเรียบร้อยเปลี่ยนคอมฯ เพราะจะได้พักเครื่องที่ทำงานทั้งวันมาตั้งเพลงจนถึงพรุ่งนี้เช้า ทำแบบนี้ทุกวันจนชินตลอดปี ทำให้ผลการเรียนดีขึ้นได้เกรด 3.5 จากปกติ 3.00 มาตลอด เป็นการใช้เวลาในการทำกิจกรรมแบบนี้ทุกวันรู้สึกว่าเราใช้เวลาคุ้มค่าและมีค่ามาก และยังมีเวลาให้กับตัวเองในการอ่านหนังสือ รู้สึกทุกวันได้ทำประโยชน์ให้สังคม มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดผลดีต่อตนเองคือ ได้มีเวลามากขึ้น รู้จักใช้เวลาในแต่ละวันให้เป็นประโยชน์ ได้ผลการเรียนที่ดี  ได้ประสบการณ์จากการจัดสถานีวิทยุ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ และการแบ่งเวลาได้อย่างลงตัว ทำให้ตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น

>>>>>>>>>>>>> จามิกร: เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่กำลังทำโปรเจ็คจบตอนเรียนอยู่ปี 4 ตอนนั้นใกล้ถึงวันนำเสนอโปรเจ็ค แต่โปรเจ็คยังไม่สามารถทำได้เสร็จตามเป้า ทำให้เริ่มเครียดเพราะต้องรีบเร่งทำงานให้เสร็จทันกำหนด แต่เพราะความเครียดทำให้รู้สึกว่างานนั้นไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ และใช้เวลาในการทำแต่ละส่วนและแก้ปัญหานานเกินไป ใช้เวลาทำนานแต่งานไม่ค่อยคืบหน้า จึงได้คิดใหม่ว่าจำทำยังไงให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสร็จทันกำหนดการ จึงมาคิดได้ว่าการหมกมุ่นและเครียดกับงานมากจนเกินไปไม่ทำให้เกิดผลดี จึงได้หาวิธีผ่อนคลายความเครียดประกอบกับในตอนนั้นกำลังติดตามดูซีรี่ย์เรื่องหนึ่งพอดี จึงได้ผ่อนคลายความเครียดโดยการแบ่งเวลาระหว่างการดูซีรี่ย์กับการทำงาน โดยวิธีก็คือกำหนดว่าก่อนจะเริ่มทำงานนั้นจะดูซีรี่ย์สักตอนเพื่อผ่อนคลายสมองก่อนแล้วจึงมาทำงาน เมื่อทำงานก็จะกำหนดไม่อย่างชัดเจนว่าจะทำส่วนไหนบ้าง เมื่อทำส่วนต่างๆที่เราตั้งเป้าสำเร็จ จึงทำการผ่อนคลายสมองโดยการดูซีรี่ย์ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายในการทำงานและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะสมองได้ทำงานอย่างผ่อนคลายไม่เครียดจนเกินไป ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนโปรเจ็คสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี จนกระทั่งในตอนนี้โปรเจ็คที่ทำได้นำไปใช้ในงานสำคัญของภาควิชา

>>>>>>>>>>>>> ช่อฟ้า: แต่ก่อนเป็นคนที่ความรู้ด้านภาษาอังกฤษแย่มาก ตอนเรียนปี1-ปี3 สอบได้ภาษาอังกฤษเกรดประมาณ C หรือต่ำกว่ามาโดยตลอด เมื่ออยู่ปี 4 เทอม 2 เลยคิดว่าต้องพัฒนาความสามารถด้านภาษาอย่างจริงจังเพราะใกล้จะเรียนจบแล้วต้องหางานทำและประเทศไทยจะเข้าสู่ ASEAN ความรู้ด้านภาษาอังกฤษจึงสำคัญมาก เมื่อเริ่มเปิดเทอม 2 จึงไปสมัครเรียนกับติวเตอร์รุ่นพี่ที่สถาบัน AIT โดยขณะนั้นต้องทำโปรเจคจบด้วย จึงต้องแบ่งเวลาในการทำโปรเจคจบ การเรียนเทอมสุดท้ายของมหาลัย และการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เราเรียนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ทำโปรเจคเรื่องขนมหม้อแกงกล้วยและเผือกกึ่งสำเร็จรูป โดยชีวิตในตอนนั้นต้องตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อมาเตรียมทำโปรเจค ใช้เวลาในการเตรียมเผือกและกล้วยดิบนำเข้าเตาอบประมาณ 2 ชม. จากนั้นไปเข้าเรียนตอน 9 โมงเช้าถึงเที่ยง จากนั้นจะมาเอาเผือกและกล้วยที่อบไว้ออกจากเตาอบ นำมาบด แล้วเก็บเข้า Desiccator จากนั้นไปทานข้าวแล้วมาเรียนต่อในช่วงบ่ายโมงถึงบ่าย 4 โมงครึง ถ้าหากวันไหนไม่มีเรียนช่วงบ่ายจะมาทำแลปโปรเจค จากนั้นเมื่อเลิกเรียนจะไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษตอน 5 โมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มหลังจากเลิกเรียนจะมาทำผลแลปที่เรียนและทำผลแลปโปรเจคถึง 3 ทุ่ม แล้วจะมาทำแบบฝึกหัด  
ภาษาอังกฤษวันละบท ฝึกฟังคลิปเสียงข่าวจาก CNN Student News และฝึกเขียนบล็อกเป็นภาษาอังกฤษจนถึงตี 1 จึงเข้านอน ทำแบบนี้ทุกวันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ผลปรากฎว่าภาษาอังกฤษพัฒนาขึ้นมาก จากได้เกรด C หรือต่ำกว่าในปี1-ปี3 พอมาปี4 เทอมสุดท้ายได้เกรด A ดีใจมาก แต่ก่อนเวลาไปดูหนัง Soundtrack ฟังไม่รู้เรื่องแต่ตอนนั้นฟังรู้เรื่องเกือบทั้งเรื่อง ดีใจที่ภาษาอังกฤษพัฒนาขึ้นมามาก อีกทั้งโปรเจคจบยังได้รางวัลเป็นทุนการศึกษาจากทางจังหวัดและได้รับเผยแพร่แก่ชุมชนอีกด้วย

>>>>>>>>>>>> ปณัฐพงษ์: ขณะที่กำลังศึกษา ปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น  ก็อยากทำงานหารายได้เพิ่มเติมโดยการเล่นดนตรีกลางคืน  โดยจะแบ่งเวลา ช่วงกลางวันเรียนพยายามเรียนพร้อมเพื่อนและหลังจากเรียนเสร็จตอนเย็น มาฝึกซ้อมเพลงที่จะเล่นที่ร้าน และซ้อมกับเพื่อนร่วมวง กลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ในช่วงสอบก็จะลดการฝึกซ้อมดนตรี แบ่งเวลาให้กับการติวหนังสือ โดยพยายามจะอ่านพร้อมเพื่อนเพื่อได้มุมมองที่แปลกใหม่ แตกต่าง และไม่เบื่อหน่ายกับการอ่านคนเดียว  เลิกงานเสร็จก็รีบกลับมาพักผ่อนเพื่อตื่นไปเรียนในตอนเช้า  เป็นเวลา 4 ปีที่เรียน สามารถเรียนจบและมีรายได้พิเศษ มีความภูมิใจที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเองและเรียนจบพร้อมเพื่อน

>>>>สรุป 3 คำ                 
        " ตั้งเป้า วางแผน ลงมือทำ"




-ต้นแบบ หรือ Idol เรื่องเวลาคือใคร


>>>>>>>> กาญจนา:  บุคคลตัวอย่างที่เป็นต้นแบบ คือ คุณต็อบ-อิทธิพัทธ์  กุลพงษ์วณิชย์ “เถ้าแก่น้อย” ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์  มาร์เก็ตติ้ง จำกัด  สาหร่ายทอด เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อจะให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยเข้าขายในร้าน 7-11 คุณต๊อบ เริ่มจากนำสาหร่ายแพคซองพลาสติกง่ายๆ ไปฝากไว้ที่ฝ่ายคัดสรรสินค้าเข้าจำหน่าย  ด้วยรูปลักษณ์ที่ธรรมดา จึงไม่ได้รับการตอบรับ  เขาจึงกลับมาคิดต้องสร้างสไตล์ของตัวเอง  เขามองว่ากระแสญี่ปุ่น  เกาหลี กำลังมาแรง    คนไทยหันมายึดเทรนด์นี้กันหมด ดังนั้น การออกแบบ เขาเน้นให้ออกมาในสไตล์ของญี่ปุ่นแท้ๆ ดูน่ารัก มีความสุข และสามารถจดจำได้ทันทีเมื่อเห็นครั้งแรก  ภายใน 3 เดือนวางขายสินค้านี้ในร้าน 7-11 จำนวน 3,000 สาขาทั่วประเทศ  จุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตธุรกิจ เดิมพันระหว่างโอกาสแห่งความสำเร็จในอนาคต กับทุกอย่างที่สร้างมาต้องสูญไปหมด การเสี่ยงครั้งแรกของเขา คือ ตัดสินใจลาออกจากปี1 ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำธุรกิจส่วนตัว เริ่มมีสาขามาก เขาต้องทำเองทุกขั้นตอน ไม่เพียงตลาดในประเทศเท่านั้น หลังจากประสบความสำเร็จมาได้ประมาณ 2 ปี แบรนด์ไทยรายนี้ ก้าวต่อไปสู่ตลาดต่างประเทศ  สำหรับหลักที่เขายึดในการทำธุรกิจตลอด มีหัวใจสำคัญ 3 ด้าน คือ ทัศนคติบวก ความรู้คู่จินตนาการ และกล้าคว้าโอกาส และเป้าหมายต่อไป   ธุรกิจสาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อยประสบความสำเร็จมาก คุณต๊อบ ไม่หยุดคิดที่จะพัฒนาสินค้าตัวอื่นต่อไป ปัจจุบัน มีการกระจายสินค้าไปยังอีกหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์มาเลเซีย, จีน, เวียดนาม, กัมพูชา, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา ฯลฯ รวม 26 สาหร่ายทอดกรอบ แบรนด์เถ้าแก่น้อย ทำยอดขายกว่า พันล้านบาท/ปี




>>>>>>>>>> จามิกร: คนต้นแบบคือ คุณสุวิจักข์ ศรีอาริย์ นักธุรกิจร้อยล้านจากอดีตลูกกรรมกรที่บ้านยากจน ต่อสู้สร้างฐานะจนมีธุรกิจมูลค่านับร้อยล้าน โดยก่อนที่จะประสบความสำเร็จนั้นคุณสุวิจักข์ ได้บริหารเวลาโดยในตอนกลางวันนั้นได้ทำงานประจำของตนเอง และใช้เวลาว่างทำธุรกิจเสริม เมื่อเวลากลางคืนจะใช้เวลาอ่านหนังสือเพื่อศึกษาหาความรู้ในการทำธุรกิจเพิ่มเติมเป็นประจำ โดยในแต่ละเดือนใช้เวลาอ่านหนังสือไม่ต่ำกว่า 20 วัน




 


>>>>>>>>>>> ช่อฟ้า: บุคคลที่เป็น IDOL คือ บิล เกตส์ (Bill Gates)     อภิมหาเศรษฐี เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ บิวเกตเป็นไอดอลในชีวิต เนื่องจาก เป็นคนมีความคิดที่        ก้าวไกล มองไปถึงธุรกิจที่จะสร้างผลกำไรอย่างมหาศาลในอนาคต มีความคิดสร้างสรรค์ มีความอดทนและความมุ่งมั่น เพื่อทำในสิ่งที่ตนเองมุ่งหวังไว้ให้สำเร็จ การก่อตั้งธุรกิจของเขาเริ่มจากเมื่อเขาเห็นนิตยสารด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่ขึ้นปกด้วยรูปของคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ บิลล์ เกตส์และเพื่อนได้ เกิดความคิดว่า… “ต่อไปจะมีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานทุกแห่งและในบ้านทุกหลัง”  ทำให้บิลล์ เกตส์ ลาออกจาก ฮาร์วาร์ด และพอล อัลเลน เพื่อนของเขา ลาออกจากงานเพื่อร่วมกันทุ่มเทเวลาหาทางเขียนซอฟต์แวร์สำหรับ คอมพิวเตอร์แบบนั้น เขาและเพื่อนทุ่มเทพลังงานทั้งหมดสร้างบริษัทไมโครซอฟต์ได้สำเร็จภายใน 2 ปี ด้วยความเชื่อว่าในอนาคตคอมพิวเตอร์จะต้องกลาย เป็นเครื่องมือส่วนบุคคล และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกๆโต๊ะทำงาน และทุกๆบ้าน การคาดการณ์ล่วงหน้าที่แม่นยำและวิสัยทัศน์ ที่กว้างไกลในเรื่องนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของไมโครซอฟต์ในเวลาต่อมา
สิ่งที่ประทับใจในตัว บิล เกตส์ มากที่สุดคือ เขาได้ทุ่มความสามารถที่มีเพื่อมนุษยชาติ โดยผ่าน  ทางการก่อตั้งมูลนิธิชื่อว่า Bill & Melinda Gates Foundation สละทรัพย์สินส่วนตัวให้มูลนิธิ แล้ว 34, 000 ล้านดอลลาร์ ทรัพย์สินกองนี้เป็นเสมือนต้นทุนที่มูลนิธิ จะนำมาหมุนหาดอกผลเพื่อนำไปใช้ในโครงการการกุศลทั่วโลก
การมองโลกของบิลล์ เกตส์ นอกจากจะมองว่าโลกทั้งหมดคือฐานของการสร้างความร่ำรวยที่เขาจะต้องตอบแทนคุณแล้ว เขามองว่าในขณะนี้โลกมีศัตรูคู่อาฆาตในรูปของปัญหาหนักหนาสาหัสทาง ด้านการแพร่กระจายของเชื้อโรค ด้านการขาดการศึกษาและด้านความด้อยพัฒนาซึ่งแสดงออกมาในรูปของความ ยากจน การต่อสู้กับศัตรูครั้งนี้มีความสำคัญยิ่งซึ่งชาวโลกจะต้องร่วมมือกัน มิฉะนั้นโอกาสจะชนะมีน้อย เนื่องจาก กองทัพต้องมีทั้งกำลังทรัพย์และขุนศึก ชาวโลกจะต้องสละทั้งทรัพย์และขันอาสาออกมาสู้ศึกตามความสามารถ ของตน บิลล์ เกตส์ ไม่เพียงแต่พูด หากต้องการทำให้ชาวโลกเห็นเป็นตัวอย่างด้วย



















>>>>>>>>>>ปณัฐพงษ์: 
ต้นแบบการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพคือ คุณโอ๊ต ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี ช่างภาพชาวไทยที่มีชื่อเสียงที่ประเทศอังกฤษ  สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อได้รับคำแนะนำจากอาจารย์หลายๆคน บอกว่าควรจะไปเรียนต่อทางด้านถ่ายภาพที่ต่างประเทศ หลังจากนั้นคุณโอ๊ต ชัยสิทธิ์ ทำงานไปด้วยในขณะนั้น ยังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คุณโอ๊ตใช้เวลาทั้งหมดทำงานเก็บเงินและเรียนปริญญาตรีจนจบ และทำงานหนักและแบ่งเวลาให้กับการเรียน จนกระทั่งเรียนจบ คุณโอ๊ต ชัยสิทธิ์ มีเงินทั้งหมด1ล้านบาท เพื่อใช้ศึกษาต่อและใช้ชีวิตในกรุงลอนดอนได้เป็นเวลา 1 ปี ในขณะที่เรียนปริญญาโทยังพยายามหางานเป็นช่างภาพ จนได้ร่วมงานกับช่างภาพที่มีชื่อเสียงที่ประเทศอังกฤษ และ มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งที่ประเทศอังกฤษและประเทศไทย


>>>>สรุป 3 คำ                 

                 สร้างสรรค์    เข้าถึง  สะดวก"



-การใช้เวลาที่ดีกับไม่ดีต่างกันอย่างไร


>>>>>> กาญจนา: ธุรกิจธนาคาร ไทยพาณิชย์  มีความสะดวกในการ ฝาก-ถอน การโอน โดยไม่ต้องเขียน ไม่ต้องใช้บัตรคิวในการรอ ผู้จัดการเป็นกันเองให้การต้อนรับเป็นอย่างดี บางธนาคารยังมีการเขียนและการรอคิวและไม่มีลูกอมให้ทานระหว่างรอ และการบริการทุกคนไหว้และยิ้มทักทายเสมอรวมถึงผู้จัดการด้วย

>>>>>>> จามิกร: โรงหนัง SFCINEMA และ EGV ในจังหวัดขอนแก่น มีความต่างที่ความสะดวกและเรียบง่ายของระบบการซื้อตั๋ว และความหลากหลายของเสียงและบทบรรยายภาพยนตร์


>>>>> ช่อฟ้า: ธุรกิจธนาคารที่ Central Khonkean ประทับใจในการบริการของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีการบริการที่รวดเร็ว ทำให้ผู้มาใช้บริการสามารถที่จะต่อคิวกันได้โดยที่ไม่ต้องไปกดบัตรคิว มีพนักงานบริการถึง 6 Counters พนักงานบริการอย่างคล่องแคล่ว ยิ้มแย้ม แจ่มใส มีผู้จัดการธนาคารมาคอยยืนต้อนรับแล้วถามว่าจะมาทำรายการอะไร รู้สึกถึงความเอาใจใส่ของธนาคารเป็นอย่างดี อีกทั้งมีตู้ ATM และตู้ปรับสมุดเงินฝากที่ให้บริการอย่างทั่วถึง และมีสาขาเยอะ หากไม่สะดวกไปที่ Central ก็สามารถแวะไปที่สาขาอื่นได้อีก ซึ่งแตกต่างกับอีกธนาคาร (ขอสมมติให้เป็นธนาคาร A) ซึ่งธนาคาร A ให้บริการที่ช้ามาก มี Counter ให้บริการเพียงแค่ 2 Counters พนักงานที่เหลือจะทำงานของตัวเองที่หน้าโต๊ะ ลูกค้าต้องไปกดบัตรคิวแล้วรอการรับบริการนานมาก อีกทั้งมีที่นั่งให้รอแค่นิดเดียว ต้องออกมายืนรอคิวข้างนอกธนาคาร พนักงานบริการด้วยความเครียดอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเปิดบริการแค่ 2 counter เท่านั้น อีกทั้งตู้ปรับสมุดเงินฝากไม่สามารถใช้บริการได้อยู่บ่อยครั้ง ถ้าจะไปปรับสมุดต้องไปรอคิวใช้บริการที่ counter และต้องรอคิวนานมาก อีกทั้งมีสาขาน้อยมาก ประมาณ 3 สาขาเท่านั้นทำให้ต้องไปใช้บริการที่ Central เสมอ ซึ่งไกลจากที่บ้านพอสมควร



>>>>>>>> ปณัฐพงษ์กล้อง Nikon เป็นกล้องที่เน้นคุณภาพไฟล์และสีสด สีจัดจ้านมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ เหมาะสำหรับถ่ายภาพวิว และวัสดุที่ผลิตเป็นวัสดุเฉพาะ มีความทนทานมากและลุยได้ในสภาพอากาศที่แปรปรวน หรือ กันน้ำได้ในระดับนึง ถ้าเทียบกับกล้องยี่ห้อคู่แข่ง ก็จะได้เปรียบในเกือบทุกๆด้านสำหรับผู้ใช้งาน และสามารถตอบโจทย์ช่างภาพมืออาชีพได้มากกว่ายี่ห้ออื่น


>>>>สรุป 3 คำ                 
                 เป้าหมาย   คิดต่าง  ใส่ใจ"


ร่วมฝัน(Dream) 





  
 อยากมีธุรกิจโรงแรมระดับพรีเมี่ยมที่ทวีปแอนตาร์คติกา เพราะเป็นที่ๆสมาชิกทุกคนฝันอยากไป  เป็นโรงแรมที่โด่งดังไปทั่วโลก เน้นแขกระดับไฮโซ ระดับดาราฮอลีวู้ด ใช้ทุนสร้างมหาศาลในการสร้าง มีที่ เดียวในโลก   มีบริการต่างๆ ผจญภัยจุดชมวิว มีไกด์ที่มีความเชี่ยวชาญ  มีสัตว์ขั้วโลกเลี้ยงไว้ในบริเวณโรงแรม เช่น หมีขาว,ปลาแซลม่อน, เพนกวิ้น สามารถสัมผัสสัตว์ขั้วโลกอย่างใกล้ชิด  มีเฮลิคอปเตอร์ไว้บริการ รถลากสุนัข พร้อมทั้ง GPS ติดไว้กับแขกทุกท่าน ป้องกันการหลงทาง มีบ่อน้ำร้อนไว้บริการ เน้นความสบาย และความแปลกใหม่ให้กับเศรษฐีที่้เบื่อต้องการผจญภัย ซึ่งมีอยู่มากมาย เน้นแขกนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักและมหาเศรษฐีเดินทางมาเพื่อแสวงหาประสบการณ์ใหม่ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ทำให้บรรดาผู้บริหารได้พบเจอคนมากมายจากทั่วทุกมุมโลก ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนทัศนคติกันโรงแรมน้ำแข็งมีบรรยากาศที่แสนโรแมนติกจะเปิดให้เข้าพักตลอดทั้งปี เพื่อคนที่ชื่นชอบความหนาวเย็นได้มานอนหลับ และดื่มในบาร์น้ำแข็ง หรือจะจัดงานฉลองโอกาสต่าง ๆ ก็ได้ โดยทุกส่วนในโรงแรมทำจากน้ำแข็งจริง ๆ ภายในห้องนอนแต่ละห้องไม่มีหน้าต่าง ผนังตกแต่งโดยการแกะสลักน้ำแข็งให้เป็นรูปต่าง ๆ ที่สวยงาม ส่วนเตียงก็ทำจากน้ำแข็งแต่มีฟูกขนสัตว์หนานุ่มปูข้างบนที่ให้คนล้มตัวลงไปนอนได้ นอกจากนี้ยังมีโซฟาที่ทำจากน้ำแข็ง ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ก็มีให้ครบ ทั้งโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และแน่นอน มีอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงให้บริการฟรีด้วย  นอกจากนี้ยังมีร้านที่เอาผ้ายีนส์มาตกแต่งให้ดูสวยงามเช่น ห้องยีนส์จะมีการนำเอาผ้ายีนส์มาทำผ้าปูนที่นอน หมอน  แจกัน สิ่งต่างๆที่ทำจากผ้ายีนส์ สำหรับคนที่ชอบในยีนส์  สำหรับคนที่อยากจะสัมผัสอากาศหนาวให้ตัวสั่นระริกโดยแต่ละปีบริษัทมีกำไรมากกว่า 100,000 ล้านดอลล่าต่อปี          และบริษัทได้จ้าง CEO ที่มีความสามารถสูงมาบริหารกิจการ พร้อมทั้งคัดเลือกเฉพาะพนักงานที่มีทักษะด้านการบริการสูงมาเพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญ และคัดสรรอาหารชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลกมาบริการเพื่อในแขกให้ประทับใจที่สุดกับประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ส่วนเราทั้ง 4 คนทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของบริษัทแทบที่จะไม่มีหน้าที่ใดในบริษัท หน้าที่รับผิดชอบส่วนใหญ่จะเป็นของ CEO โดยเราจะมีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวพร้อมคนขับ สามารถไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ในโลกตามที่ต้องการพร้อมกับ ครอบครัว และมีเงินใช้เท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ เพราะบริษัทมีรายได้มหาศาล ได้มีเวลาทำประโยชน์เพื่อสังคม นำรายได้ส่วนหนึ่ง
ไปทำบุญ ดูแลคนรอบข้าง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและคุ้มค่าในแบบที่ตนเอง
อยากจะทำ



Dog sled, Greenland Photo

ร่วมออกแบบ(Design) 


10 วัน : ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำโรงแรม  และเรียนปริญญาโท MBA ระดมสมองในการคิดจะทำโรงแรมที่ขั้วโลกใต้ ทีมงานมาประชุมกันเพื่อแบ่งหน้าที่ตามที่แต่ละคนถนัดเพื่อศึกษาหาแนวทางในการทำโดยใช้อย่างน้อยวันละ 2 ชม. ทุกๆวันในการมาประชุมร่วมกัน หาต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ แล้วดูว่าเขาทำยังไง สามารถถามอะไรเค้าได้ หลังจากเรียนจบแล้ว ศึกษาให้ละเอียด และการไปถามผู้รู้

10 สัปดาห์: เริ่มเขียนแผนธุรกิจอย่างเป็นทางการ วางโครงสร้างต่างๆ ค้นหาความแตกต่างในธุรกิจ เริ่มปรึกษาคนหลายๆอาชีพ วิศวะ,นักออกแบบ,ช่างไฟฟ้า  ความเป็นไปได้ ทำอย่างนี้ได้ไหม ใช้อันนี้ได้ไหม หาความรู้ใหม่ๆ และระดมทุนและทำเริ่มโครงการ อีกทั้งมีการออกท่องเที่ยวไปยังโรงแรมน้ำแข็งตามที่ต่างๆ ประเทศต่างๆ เพื่อศึกษางานและวางแผนพร้อมหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับด้านนี้มาให้ความรู้

10 เดือน: คุยกับสมาชิก ว่าอยากได้แบบไหน สรุปงบประมาณหาคอนเนคชั่นคนรู้จักเพื่อลดค่าใช้จ่าย ให้ได้มากที่สุด และเริ่มก่อสร้างตั้งเป้ายอดรายได้ ภายใน 10 ปีนี้ต้องคืนทุนให้ได้ และ หาความรู้ใหม่ๆที่เกี่ยวกับธุรกิจเพิ่มเติม เริ่มดำเนินตามแผนที่วางไว้โดยมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบและเริ่มสร้างโรมแรมน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้และการโฆษณาให้คนทั่วโลกได้รับรู้โรงแรมแห่งนี้ แผนโครงการที่วางไว้สำเร็จและพร้อมใช้งานบางส่วน และทำการตลาดโปรโมทให้ลูกค้ารู้จัก

10 ปี: ตื่นเช้าพบว่า ได้เป็นเจ้าของโรงแรมน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้ตามที่ฝันกันทั้งกลุ่ม  วิวรอบข้างเป็นโรงแรมและแขกที่มาพักมีความสุข  ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ลูกค้าที่มาใช้บริการ จ่ายหนักและไม่เรื่องมาก  มีรายได้เรื่อยๆแบ่งให้ทุกๆคนอยู่แบบสบายๆ  ปล่อยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างรวดเร็วต่อไป มีลูกค้าเข้าพักตลอดทั้งวัน จากทั่วโลก มีสถานทีให้บริการมากขึ้น มีห้องต่างๆเพิ่มมากขึ้น เช่น ห้องฟิตเนส  มุมส่วนตัว เป็นต้น พร้อมมุมถ่ายรูปกับพระอาทิตย์ที่ขึ้นตอนเช้า และท้องฟ้าที่สวยงามตลอดปี มีการรับพนักงานเพิ่ม มีการจัดอบรม ปีละ 6 ครั้งในเรื่องต่างๆ มีผู้จัดการที่เก่งๆและเชี่ยวชาญ 2 คน ประจำไว้ค่อยดูแลโรงแรม ธุรกิจโด่งดังไปทั่วโลก มีผู้ใช้บริการมากมาย


หลังจาก 10 ปี: พวกเราทั้ง 4 คนทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของบริษัทแทบที่จะไม่มีหน้าที่ใดในบริษัท หน้าที่รับผิดชอบส่วนใหญ่จะเป็นของ CEO โดยเราจะมีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวพร้อมคนขับ สามารถไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ในโลกตามที่ต้องการพร้อมกับ ครอบครัว และมีเงินใช้เท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการเพราะบริษัทมีรายได้มหาศาล ได้มีเวลาทำประโยชน์เพื่อสังคม นำรายได้ส่วนหนึ่ง ไปทำบุญ ดูแลคนรอบข้าง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและคุ้มค่าในแบบที่ตนเองอยากจะทำ




>>>>สรุป 3 คำ                 
                 จิตนาการ      แตกต่าง         มีความสุข"



สรุป
มนุษย์มากมายเกิดมาพร้อมความฝัน แต่มีมนุษย์น้อยคนที่สามารถสร้างความฝันให้กลายเป็นความจริง การสร้างความฝันให้เป็นความจริงนั้น มีวิธีการในรูปแบบของมันเอง คนบางคนไม่เข้าใจถึงวิธีการนั้น ก็ไม่สามารถสร้างฝันให้เป็นความจริงขึ้นมาได้ แม้บางคนจะใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม คนบางคนเข้าใจผิดคิดว่าจะต้องใช้เวลามากจึงจะทำสำเร็จ แท้จริงมันไม่เกี่ยวกับการใช้เวลาเร็วหรือช้า มันขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เวลานั้นเป็นหรือไม่เท่านั้นเอง คนที่สร้างฝันสำเร็จเป็นจริงขึ้นมาได้นั้น เขามักจะทำเวลาเป็นปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง

คุณดำรงค์ วงษ์โชติปิ่นทอง





สมาชิกกลุ่ม


..กาญจนา   ชุมสงค์            รหัสนักศีกษา 565740150-4
นาย จามิกร      กฤษกลาง        รหัสนักศีกษา 565740175-8
น.ส. ช่อฟ้า       สงทามะดัน      รหัสนักศีกษา 565740179-0
นาย ปณัฐพงษ์ วิมลโสภณกิตติ รหัสนักศีกษา 565740196-0

MBA KKU YOUNG.15 SEC.1